ความเป็นมาของการว่ายน้ำ
 
                        รวมกฎ กติกา และพื้นฐานการเล่น ว่ายน้ำของ บริษัทสกายบุ๊กส์ ได้กล่าวถึงประโยชน์ของการเล่นกีฬาว่ายน้ำไว้ดังนี้[1]  ว่ายน้ำเป็นกีฬาที่รู้จักมาแต่สมัยโบราณการว่ายน้ำยุคก่อนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ตั้งถิ่นฐานตามชายฝั่งทะเล แม่น้ำที่ราบลุ่มต่างๆ เช่นพวกแอสซีเรีย อียิปต์ กรีก และโรมันได้มีการฝึกว่ายน้ำแล้ว    โดยประวัติศาสตร์ระบุว่า การว่ายน้ำในสมัยก่อนคริสตกาลเป็นการเรียนรู้เพื่อหลบหลีกภัยอันตรายต่างๆ เท่านั้น  เช่น ในสงครามยุคเรือใบได้กล่าวถึงทหารที่หลบหนีข้าศึกโดยการว่ายน้ำขึ้นฝั่งด้วยท่าว่ายน้ำด้วยท่าอิสระเรียกว่า ฟรีสไตล์ (Free style) คือไม่มีท่าทางแน่นอน แต่เพื่อการพยุงตัวอยู่ในน้ำให้ได้นานที่สุดนั้นเป็นการเรียนรู้เพื่อหลบหลีกเอาตัวรอดจากภัยอันตรายต่างๆ เช่นจากเรือล่ม หรืออับปางในทะเล  การว่ายน้ำสมัยก่อนนั้น เป็นการว่ายท่าอิสระไม่จำกัดแบบ (Free style)     จะว่ายน้ำท่าใดก็ได้ตามถนัดให้ลอยอยู่ในน้ำได้นานๆ   และพาตัวเองไปข้างหน้าได้ มนุษย์เรียนรู้การว่ายน้ำโดยวิธีธรรมชาติ แบบการว่ายน้ำนั้นไม่มีอยู่ในระบบจะว่ายท่ากบก็ไม่ใช่   หรือจะเป็นการกระทุ่มไปข้างๆ ก็ไม่เชิง    เพียงพยุงตัวเองให้ลอยน้ำแล้วเท้าทั้งสองถีบน้ำขึ้นลง   มือทั้งสองก็พุ้ยน้ำคล้ายสุนัขตกน้ำ  หลักฐานอื่นๆ เกี่ยวกับการว่ายน้ำ คือภาพแกะสลักที่ค้นพบในเมืองปอมเปอี เป็นภาพการว่ายน้ำแบบกรรเชียงข้างซึ่งแสดงให้เห็นว่ามนุษย์สามารถว่ายน้ำได้ ตั้งแต่ อดีตกาล  ส่วนมากจะเป็นการว่ายน้ำโดยการถีบเท้าขึ้นลงใต้น้ำ มือทั้งสองพุ้ยน้ำออกไปข้างๆ ต่อมานาย Raph Thomas เป็นผู้ให้ชื่อการว่ายแบบนี้ว่า  “Human stroke”     หรือเรียกอีกอย่างว่า   “Dog paddle”  ซึ่งเป็นการว่ายน้ำแบบสุนัขตกน้ำ
ว่ายน้ำนับว่าเป็นกิจกรรม  ที่นิยมขึ้นหน้าขึ้นตาระหว่างชนชั้นต่างๆ    ของชาวกรีกเรียกว่าเป็นอุปนิสัยประจำชาติ ต่อมากรีกได้บรรจุกีฬาว่ายน้ำไว้ในระดับชาติ เช่นเดียวกับกีฬาประเภทอื่นๆ   พฤติกรรมทำนองนี้ชาวพื้นเมืองของเม็กซิกันก็นิยมว่ายน้ำกันมาก   ได้นำวิธีการแบบนี้ไปเผยแพร่ตามหัวเมืองชายทะเล  มีการจัดการแข่งขันระหว่าง พระในสำนักวาติกันโดยขนานนาม   ผู้ชนะการแข่งขันในครั้งนั้นว่า  “เทพเจ้าแห่งนาวี”    เชื่อกันว่า  การแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรกได้จัดการแข่งขันที่(Woolwich Baths)   ใกล้กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษเมื่อ  ปี ค.ศ.1873    การแข่งขันในครั้งนี้จัดเพียงแบบเดียวคือ ฟรีสไตล์ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะว่ายแบบใดก็ได้ให้เร็วที่สุดการแข่งขันครั้งนี้   J.Trudgen   ได้รับชัยชนะอย่างงดงาม โดยที่เขาว่ายน้ำแบบเดียวกับพวกอินเดียแดงในอเมริกาใต้ เนื่องจากเขาได้เห็นพวกอินเดียแดงว่ายน้ำแบบนั้นจึงได้นำมาว่ายบ้าง  จึงได้ซื่อว่าเป็นผู้นำเผยแพร่  วิธีการว่ายน้ำแบบที่ยกแขนขึ้นไปเหนือน้ำในการจ้วงพุ้ยน้ำ   หลังจากได้รับชัยชนะมาแล้ว   ชาวยุโรปมีความสนใจกันมาก  และหัดว่ายตามแบบโดยใช้ชื่อว่า Indian Stroke, Trudgen Stroke หรือ Trudgen Crawl ประชาชนทั่วโลกเริ่มสนใจและกระตือรือร้น ที่จะว่ายน้ำมากขึ้นเมื่อเรือเอก Matthew Webb  ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษจากเมือง Dover ถึง Calais เมื่อวันที่ 24-25 สิงหาคม ค.ศ.1875 โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 21 ชั่วโมง 45 นาที     ข่าวความสำเร็จในครั้งนี้ได้แพร่กระจายยังความตื่นเต้นไปทั่วโลก เรือเอก Webb ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบด้วยแบบกบ (Breast Stroke)  ต่อมาเด็กสาวชาวอเมริกันชื่อ  Gertrude Ederle   ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษอีก เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1926 โดยทำเวลาได้ 14 ชั่วโมง 31 นาที  โดยว่ายแบบ   Crawl Stroke     ซึ่งเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา  50 ปี ว่ายน้ำได้พัฒนาความก้าวหน้ามากขึ้นในเรื่องความเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาว Lancashire และ Australia ได้ดัดแปลงวิธีการว่ายน้ำแบบ  Trudgen  Stroke เพื่อให้เกิดความเร็วยิ่งขึ้น  เช่น  การใช้ขาเตะสลับขึ้นลงแบบกรรไกร โดยกางขาให้มากขึ้นไม่งอเข่ามากเช่นแต่ก่อน     ซึ่งผู้นำวิธีการว่ายน้ำแบบนี้ไปใช้ และได้ผลก็คือ Taylor ผู้ครองสถิติโลกเมื่อปี ค.ศ.1926-1908 Bare Kierany ชาวออสเตรเลีย และBattersby ชาวอังกฤษต่อมาการว่ายน้ำแบบ Crawl Stroke ก็ได้เริ่มขึ้นโดย Alex Wickham เป็นชาวเกาะโซโลมอน อาศัยอยู่ที่ซิดนีย์ประเทศออสเตรเลีย เป็นผู้ครองสถิติโลกในการว่ายน้ำแบบฟรีสไตล์ อยู่เป็นเวลานาน ในระยะทาง 50 หลา เขาได้ว่ายน้ำแบบ Crawl Stroke และ Alex Wickham ได้กล่าวว่าเด็กชาวเกาะโซโลมอนทุกคนว่ายน้ำในแบบนี้ทั้งนั้น หลังจากนั้นต่อมาการว่ายน้ำแบบฟรีสไตล์ก็ได้เป็นที่นิยมแพร่หลายฝึกหัดกันโดยทั่วไป Dick Cavill   ชาวออสเตรเลีย อีกคนหนึ่งที่ได้ปรับปรุงวิธีการว่ายน้ำแบบ Crawl Stoke และ Wickham จนได้รับผลสำเร็จและได้ครองสถิติโลกในระยะทาง 100 หลาโดยทำเวลา ได้ 55 วินาที    หลังจากนั้นการว่ายน้ำแบบ Crawl Stroke ก็ได้รับความนิยมแพร่หลาย ทั่วโลกศตวรรษที่19  ว่ายน้ำได้มีการพัฒนาความก้าวหน้าไปอย่างไม่น่าเชื่อ    ในประเทศอังกฤษว่ายน้ำเริ่มมีบทบาท รวมกันเป็นสมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศอังกฤษ  และเริ่มรับสโมสรสมาชิกที่มีสระว่ายน้ำเป็นของตนเองไว้ในโอกาสแรก    (ในปี 1844 ประเทศอังกฤษมีเพียง 6 สระ เท่านั้น) ช่วงระยะเวลาเดียวกันชาวยุโรปกลับไปนิยมว่ายน้ำประเภทกบโดยการสังเกตจากการว่ายของกบแล้วนำไปเลียนแบบด้วยการกระเดือกตัวหรือคืบตัวไปทางด้านข้างเพราะไม่ค่อย รู้สึกเหนื่อยแต่ไปได้ช้า และมีความเร็วต่ำมาก      ในปี 1902 ริชาร์ด ดาวิลล์ ชาวอังกฤษสามารถว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ 100 หลา  ด้วยเวลา 58.6 วินาทีนับเป็นเวลาที่เร็วมาก (100 เมตร ประมาณ 1.45 นาที)     ทำให้เขาได้รับฉายาในการว่ายน้ำท่านี้ว่าปรู๊ดปราด เหมือนงูเลื้อยี้ ต่อมา ชาร์ล เอม ดาเนียล ได้ประยุกต์การใช้แขนและขาสลับกันกันอัตราส่วน 1 ต่อ 3     และพยายามเปลี่ยนระบบการหายใจออกเป็นจังหวะในขณะใช้แขนจ้วงลงน้ำ และเริ่มหายใจเข้าขณะที่ยกแขนข้างนั้นสูงขึ้น สไตล์การว่ายน้ำแบบนี้ ดาเนียลเรียกชื่อว่า อเมริกันคลอว์ล  ต่อมาเขาได้ลงแข่งขันว่ายน้ำในกีฬาโอลิมปิก ปี ค.ศ.1910 ได้แชมป์ถึง 3 รายการ และสามารถทำสถิติโลกในระยะทาง 100 หลา ด้วยเวลาเพียง 45.8 วินาที ในปี 1924 ได้มีการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำในกีฬาโอลิมปิกที่กรุง   ปารีส นักว่ายน้ำชาวอเมริกันชื่อ จอนห์นี ไวสมูลเลอร์ได้ทำสถิติโลกขึ้นใหม่ในระยะทาง 100 เมตร ด้วยเวลา 59.0 วินาที      สามารถทำเหรียญทองว่ายน้ำประเภทอื่นๆ อีก 2 เหรียญ  ในปี 1964    ดอน ชอลแลนเดอร์  จากสหรัฐอเมริกาได้ลงแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่18 ที่กรุงโตเกียวได้นำวิธีการว่ายของจอนห์นี ไวมูลเลอร์ มาทั้งหมดไม่มีการดัดแปลงและสามารถคว้าเหรียญทองมาถึง 4 เหรียญจากการว่ายน้ำฟรีสไตล์ 100, 200,400 เมตรโดยลบสถิติ  ทั้งหมดทุกระยะที่ตนเองลงแข่งขัน        ได้มีคนเลียนแบบการว่ายน้ำท่านี้ ในที่สุดได้เรียกชื่อการว่ายน้ำในท่านี้ว่า ฟรีสไตล์ จนถึงปัจจุบันน
                การแข่งขันโอลิมปิกยุคต้นๆ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1900 ประเทศเจ้าภาพเริ่มบรรจุการว่ายน้ำท่ากรรเชียงระยะทาง 100 หลาด้วย โดยแยกเป็นท่าว่ายอีกประเภทหนึ่ง แตกต่างจากการ แข่งขัน ประเภทฟรีสไตล์ และต่อมาก็ได้บรรจุท่าว่ายกบเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิกด้วยสำหรับการแข่งขันประเภทหญิง ได้เริ่มบรรจุเข้าเริ่มแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในปี  ค.ศ. 1912 เพิ่มประเภท  การว่ายน้ำ และระยะทางในแบบต่างๆ เช่นเดียวกับการว่ายของประเภทชาย ปี ค.ศ.1930 ได้บรรจุการแข่งขันว่ายน้ำแบบกบเป็นแบบสากล โดยเป็นการทดลองดูก่อนที่จะแข่งขันโอลิมปิก ปรากฏว่ากบฝรั่งสู้กบญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะนักว่ายน้ำญี่ปุ่นเป็นนักดำน้ำสามารถว่ายใต้น้ำได้รวดเร็วมาก และ   ดำได้ครั้งหนึ่งเป็นระยะทางไกลมากเกินกว่า 50 หลา ต่อมาได้มีกติกาห้ามดำน้ำขึ้น เพื่อเป็นการ ป้องกันการดำน้ำหรือการว่ายใต้น้ำของญี่ปุ่น แต่โค้ชญี่ปุ่นก็ไม่ย่อท้อ คิดการว่ายน้ำแบบผีเสื้อขึ้นมาใหม่ทดแทนการดำน้ำเพระกติกาการว่ายน้ำแบบกบสมัยนั้นเขียนว่า ห้ามดำเพื่อเป็นการเลี่ยงกฎอย่างดื้อๆ และสามารถลบสถิติไปในที่สุดทำให้อเมริกันเอาอย่างบ้าง โดยการคิดค้นท่าว่ายใหม่  โดยการเตะเท้าคล้ายๆ ปลาโลมาสะบัดหางขึ้นแทนการว่ายน้ำแบบผีเสื้อเตะขากบของชาวญี่ปุ่น และสามารถลบสถิติได้เหมือนกัน
                    
ประวัติว่ายน้ำสากล  สหพันธ์กีฬาว่ายน้ำระหว่างประเทศ (FINA)
    (Federation International De Natation Amateur)
 
                        สหพันธ์กีฬาว่ายน้ำระหว่างประเทศหรือเรียกว่า   “สหพันธ์ว่ายน้ำโลก”   มีชื่อเรียก ย่อๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า “FINA”  ได้กำเนิดขึ้นในปี ค.ค.1908 ประเทศอังกฤษเป็นผู้ริเริ่มและมีบทบาทมากในการก่อตั้งสหพันธ์นี้ขึ้น มีประเทศสมาชิกที่ให้การสนับสนุนหลายประเทศ  เช่น  กรีซ  สหรัฐอเมริกา  ฮังการี ฝรั่งเศส เยอรมัน ฮอลแลนด์ เมกซิโก ฯลฯ    หลังจากก่อตั้งสหพันธ์ขึ้นแล้ว สมาชิกจากประเทศต่าง ๆ ก็ได้แต่งตั้งนาย จี.ดับบลิว ฮีน (G.W.Hean)  ผู้แทนสโมสรว่ายน้ำของอังกฤษ เป็นเลขาธิการและเหรัญญิกของสหพันธ์ ฯ  เป็นเวลาถึง 16 ปี โดยไม่มีประธานสหพันธ์จนกระทั่งในปี   ค.ศ. 1924 ที่ประชุมจึงได้เลือก นายอีริก เบิกวอลล์ (Erik Beagvall) ชาวสวีเดน     เป็นประธานสหพันธ์คนแรก  ประธานได้เลือกเลขาธิการและเหรัญญิกคนเดิมต่อไปอีก 4 ปีจึงได้มีการเลือกตั้งใหม่ในปี ค.ศ. 1928   ซึ่งประเทศฝรั่งเศสได้เป็นประธานสหพันธ์การเลือกตั้งมีทุก ๆ     4 ปี ตำแหน่งประธานสหพันธ์ก็เปลี่ยนไปตามประเทศสมาชิกต่าง ๆ
 
ประวัติกีฬาว่ายน้ำในประเทศไทย    สมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทย
 
                ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ว่ายน้ำระหว่างประเทศในเดือน   พฤศจิกายน พ.ศ.2501  โดย น.อ.สุรพล แสงโชติ ทูตทหารเรือในฝรั่งเศสได้เป็นผู้ติดต่อไปยัง      นาย บี.ซัลล์ฟอร์ส (B.Sallfors) ซึ่งเป็นเลขาธิการประจำอยู่ที่ประเทศสวีเดน  และได้รับอนุมัติ        ให้เป็นสมาชิกอย่างถูกต้องในเดือนเมษายน 2502  สมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทย          ได้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ.2500 โดย พล ร.ต.สวัสดิ์ ภูติอนันต์ เจ้ากรมสวัสดิการทหารเรือ และได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารตามตำแหน่ง ดังนี้ พลเรือตรี สวัสดิ์ ภูติอนันต์ รน. เป็น         นายกสมาคม   คณะกรรมการได้เสนอเรื่องขออนุมัติ ก่อตั้งสมาคมไปยังกรมตำรวจและกระทรวงวัฒนธรรมในสมัยนั้น และได้รับอนุมัติให้เป็นสมาคมกีฬาว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทย         ในปี พ.ศ. 2502